เอมิเน็ม เพราะสุดท้ายแล้ว การแรป คือสิ่งเสพติดของเขา

April 21, 2020


เมื่อไม่นานมานี้ เอมิเน็ม ฉลองการประกาศเลิกเหล้าของตัวเองลงอินสตาแกรม พร้อมข้อความ “11 ปีแล้วนะ – ไม่กลัวเหมือนเคย”

 

 

หลายปีก่อนหน้านั้น ราวๆ สักสามทศวรรษ นายเอมิเน็มหรือ มาร์แชลล์ บรูซ มาเธอร์ที่สาม คือเด็กหนุ่มผิวขาวที่เติบโตในย่านคนดำ หลงใหลในเพลงฮิปฮอปและเริ่มร้องเพลงแรปกับเพื่อนตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี ในร้านฮิปฮอปช็อป รัฐดีทรอยต์ เจ้าหนุ่มผิวขาวหน้าตาสะอาดสะอ้านบุกขึ้นไปโชว์แรปให้คนดำในร้านฟัง และได้รับคำชมกราวใหญ่

 

อาจพูดได้ว่าเจ้าหนุ่มก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่และสารเสพติดเร็วพอสมควร เอมิเน็มเรียนไม่เก่งนัก เขาจึงมักใช้เวลาส่วนมากที่ควรจะอยู่ในโรงเรียนหมดไปกับการขลุกอยู่ในบาร์กับเพื่อนๆ รวมตัวกันทำเพลงแรป อบอวลตัวเองด้วยกลิ่นควันบุหรี่และแอลกอฮอล์ ที่เขาน่าจะเริ่มลิ้มลองมันครั้งแรกก่อนจะแตกหนุ่มเต็มตัวเสียอีก หลัง ‘พระเจ้าเพลงแรป’ ในวัยเด็กได้ย่างก้าวเข้าไปในโลกของเหล้ายา เขาก็ไม่ห่างจากมันเลยอีกหลายสิบปี

 

อันที่จริง เส้นทางระหว่างเอมิเน็มกับแอลกอฮอล์นั้นดูจะเข้ากันได้ดีนับตั้งแต่เขาเริ่มมีชื่อเสียงด้วยซ้ำ ไม่ต่างจากคนดังหลายๆ คนที่มีโอกาสเข้าถึงเหล้ายาได้มากกว่าคนทำอาชีพอื่นๆ ไม่ช้า เอมิเน็มในวัยยังไม่ถึงสามสิบ ก็มีเหล้าชั้นดี  ไวน์ราคาแพงและเบียร์จำนวนมหาศาลอยู่รอบตัว บ่อยครั้งที่เขาบอกว่าใช้มันเพื่อให้สมองไหลลื่นเวลาแต่งเพลง แต่ก็มีอีกไม่น้อย ที่เขาใช้มันเพื่อเยียวยาแผลลึกๆ บางอย่างในใจ -ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยได้ผลนัก- เขาบอกว่าอย่างเก่ง มันแค่ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรเท่านั้น

 

แผลลึกดังกล่าว ส่วนหนึ่งคือวัยเด็กอันเจ็บปวดของเขา เอมิเน็มมักถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนอยู่บ่อยๆ (มีคนบอกว่าเอมิเน็มในวัยเด็กนั้น “น่ารักดีแต่ค่อนข้างโดดเดี่ยว”) และไม่ได้ประสบความสำเร็จในการเรียนเท่าไรนัก รวมทั้งไม่ได้มีสภาพครอบครัวที่ดี

 

มิหนำซ้ำ เมื่อเติบโตขึ้นมา เขายังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจจากความตายของเพื่อนสนิทอย่าง พรูฟ แรปเปอร์ชื่อดังที่ถูกฆาตกรรมในปี 2006 (ภายหลัง เอมิเน็มสักชื่อพรูฟหรือ Proof ไว้ที่แขนซ้ายข้างถนัดของเขา) ทำให้เอมิเน็มรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้น และเขาพบว่าหนทางเดียวที่จะเยียวยาตัวเองได้อย่างรวดเร็วที่สุด อาจเป็นการใช้สารเสพติดและเหล้าช่วยกอบกู้ซากชีวิตขึ้นมา

 

และในปีถัดมาหลังการตายของพรูฟ เอมิเน็มต้องประสบกับภาวะหมดสติจากการดื่มเหล้าและเสพยาเกินขนาด เขาเล่าว่า “ผมกินยาเกินขนาดจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นน้ำหนักตัวพุ่งขึ้นไปถึง 230 ปอนด์ (ราวๆ 104 กิโลกรัม) ไม่รู้เหมือนกันว่าอ้วนขึ้นขนาดนั้นได้ยังไง แต่อาจจะเพราะไวโคดิน (ยาแก้ปวด) กับแวเลียม (ยาที่ใช้ในการสงบสติอารมณ์) ที่ผมกินมาหลายปีติดต่อกันมั้ง ที่ทำให้กระเพาะเป็นรู เพราะงั้นผมเลยปวดท้องตลอด และเพื่อหลีกเลี่ยงอาการนี้เลยต้องกินเยอะๆ ให้กระเพาะไม่ว่าง”

 

เอมิเน็มยังบอกอีกว่าเขาเคยใช้ไวโอดิน 30 เม็ดและแวเลียมอีก 60 เม็ดต่อวัน (!!) ซึ่งความรุนแรงเทียบเท่ากับการกรอกเฮโรอีนสี่ถุงใหญ่ลงท้อง ทำให้เขาห่างจากความตายเพียงคืบเดียวเท่านั้น หากว่าคนที่บ้านนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลช้าไปอีกสองชั่วโมง

 

สิ่งที่เราว่ามานี้ ยังไม่ได้รวมถึงเหล้า ไวน์ เบียร์และแอลกอฮอล์อีกหลายชนิดที่เขาใช้ประคองสุขภาพจิตตัวเองให้ดำเนินไปได้ในแต่ละวัน

 

“ความรู้สึกมันเหมือนกับ ‘อ้า โล่งจริง’ ไม่ใช่แค่ทุกอย่างรอบตัวคุณกำลังละลายนะ แต่ผมไม่รู้สึกกระทั่งความเจ็บปวดด้วยซ้ำ และไม่รู้ด้วยว่ามันกลายเป็นปัญหาตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ชอบไอ้เหล้ายาพวกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ คนรอบตัวก็บอกผมล่ะ ว่าผมน่ะเริ่มมีปัญหาแล้ว แต่ผมจะสวนกลับไปว่า ‘อย่ามาเสือกน่ะ’ แค่นั้น”

 

“ผมเป็นประเภทที่ย่ำแย่ที่สุดของการเสพติดแล้ว” เขาว่า “ผมดำดิ่งไปกับมันลึกมากเสียจนถึงจุดหนึ่ง ผมก็นึกภาพตัวเองทำอะไรอย่างอื่นไม่ออกเลยนอกจากเสพยาและดื่มเหล้า”

 

แม้ว่าเอมิเน็มจะใช้ยาจำนวนมาก แต่เขาใช้ยาที่ถูกกฎหมาย และค่อนข้างระวังตัวในการใช้สารเสพติด ทำให้เขาไม่มีประวัติการใช้โคเคนหรือเฮโรอีนแม้แต่ครั้งเดียว และส่วนใหญ่ ยาที่เขาใช้นั้นก็เพื่อช่วยให้ตัวเองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจากการโหมงานหนัก เขาจึงมักใช้ยาแก้ปวดหรือยาคลายประสาทช่วยให้เขาหลับได้เร็วขึ้นหรือกระปรี้กระเปร่าเวลาอยู่บนเวที

 

อย่างไรก็ตาม ถึงไม่ใช่ยาที่ผิดกฎหมาย แต่การ ‘เสพติด’ ยาและแอลกอฮอล์ก็ส่งผลร้ายต่อตัวเขา จนเอมิเน็มต้องเข้ารับการบำบัดอย่างเร่งด่วนภายหลังจากออกจากโรงพยาบาล ซึ่งเขาพบว่าเป็นกระบวนการที่ เอ่อ… ไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย

 

“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบั๊กส์ บันนี่ ในสถานที่บำบัดน่ะ” ราชาเพลงแรปเล่าอย่างกลุ้มใจ “แบบว่าพอบั๊กส์ บันนี่เดินไปไหนต่อไหน คนก็เอาแต่หันมามอง

 

“แล้วก็นะ คนในสถานที่บำบัดเอาแต่ขโมยหมวก ปากกาและสมุดของผมอยู่เรื่อย แถมยังอ้อนจะขอลายเซ็น จนผมไม่มีสมาธิจดจ่อกับการบำบัดเลย” (โถ)

 

เขาใช้เวลากับการบำบัดนานหลายเดือน และเมื่อออกมา ก็ไม่วายต้องออกกำลังกายครั้งใหญ่เพื่อลดน้ำหนัก ด้วยการวิ่งบนลู่อย่างบ้าคลั่ง จนน้ำหนักลงอย่างสม่ำเสมอและไม่เป็นการทำร้ายตัวเอง

 

“ตอนออกมาจากการบำบัด ผมตั้งใจว่าต้องลดน้ำหนักลงให้ได้” เขากล่าว

 

จากวันนั้น จนถึงนาทีนี้ ก็เหยียบเข้าปีที่ 12 แล้วที่เอมิเน็มเลิกเหล้าและยาอย่างเด็ดขาด เขาจะใช้มันก็ต่อเมื่อในกรณีพิเศษ ทั้งจิบเบาๆ หลังงานจบ หรือในโอกาสเฉลิมฉลองบางอย่างเท่านั้น –นั่นเพราะเหล้าไม่ใช่สิ่งที่เขาเสพติดอีกต่อไปแล้ว

 

“ผมกลับมาแล้ว การแรปคือสิ่งเสพติดของผม มันช่วยให้ผมเมา เท่ากับที่มันช่วยหยุดไม่ให้ผมเมาไปกว่านั้น” เขาทิ้งท้าย

 


ที่มา:

https://www.cheatsheet.com/entertainment/which-member-of-outkast-has-the-highest-net-worth.html/

https://eng.amomama.com/146677-eminem-marks-11-years-sobriety.html

https://www.youtube.com/watch?v=l3nVUwf3gv8

 

เรื่องและภาพ : ทีมงาน Alcohol Rhythm

Related Articles