เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ชาย ที่สามารถดื่มและนั่งสังสรรค์กับเพื่อนฝูงได้อย่างเสรี ขณะที่ผู้หญิงคล้ายจะถูกลบเลือนและลิดรอนสิทธิในการดื่ม ด้วยถูกวัฒนธรรมและกรอบความคาดหวังของสังคมกดทับเอาไว้
แต่เมื่อโลกเริ่มก้าวไปข้างหน้า ผลักให้ความเท่าเทียมทางเพศกลายมาเป็นประเด็นสำคัญที่คนตระหนักถึง กรอบที่เคยครอบผู้หญิงออกจากการดื่มแอลกอฮอล์เริ่มเลือนรางลง ผู้หญิงหันมาดื่มมากขึ้น และกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลายแบรนด์เริ่มผลิตเครื่องดื่มเพื่อตอบโจทย์ผู้หญิง โดยเพิ่มรสชาติให้มีความหวานมากขึ้น และมีแคลอรี่ลดลง ถ้าจะกล่าวว่า ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำลังมุ่งหน้าเข้าหาผู้หญิงมากขึ้น ก็คงไม่ผิดนัก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ความเท่าเทียมในการดื่มที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่สถิติของผู้หญิงที่ ‘เมาแล้วขับ’ ก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยการศึกษาของ Social Research Associates พบว่า ในสหราชอาณาจักร แม้ผู้ชายจะยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่เมาแล้วขับ แต่ในปี 2012 จำนวนผู้หญิงที่เมาแล้วขับเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 17% และยังพบอีกว่า ในผู้หญิง 6 คน มี 1 คนที่ยอมรับว่าตัวเองเคยเมาแล้วขับในปีที่ผ่านมา
ตัวเลขดังกล่าวยังสอดคล้องกับสถิติของประเทศไทย โดยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถิติการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางจราจรในช่วงสงกรานต์ ปี 2562 พบว่า มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นผู้หญิงที่ดื่มแล้วขับเพิ่มมากขึ้น
Alcohol Rhythm เปลี่ยนจังหวะชีวิตคนติดเหล้า จึงขอชวนคุณไปร่วมหาสาเหตุการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงที่เมาแล้วขับ – เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร และเราจะมีวิธีป้องกันอะไรได้บ้าง
แค่แก้วเดียวเอง ไม่เมาหรอกน่ะ
Lauren Booker ที่ปรึกษาด้านแอลกอฮอล์ในสหราชอาณาจักร ผู้มีหน้าที่จัดคอร์สบำบัดฟื้นฟูให้กับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับ บอกว่า อายุผู้หญิงที่ต้องเข้าคอร์สบำบัดของเธอมีตั้งแต่ 17 ไปจนถึง 78 ปี และมาจากทุกชนชั้นทางสังคม บางคนมีปัญหาเรื้อรังเรื่องแอลกอฮอล์ ยิ่งไปกว่านั้น บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตนเองขับรถขณะมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกำหนด
มีหลายเหตุผลที่ทำให้จำนวนผู้หญิงเมาแล้วขับเพิ่มขึ้น แต่ Booker เชื่อว่า หนึ่งในเหตุผลนั้นมาจากความสับสนเกี่ยวกับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ (alcohol concentrations) และขีดจำกัดของแอลกอฮอล์
“ผู้หญิงส่วนมากชอบดื่มไวน์ และคิดว่า ‘แค่แก้วเดียวเอง ไม่เมาหรอกน่ะ’ แต่ไวน์ที่ดื่มกันตามผับส่วนใหญ่จะมีปริมาณ 175 มิลลิลิตร หรือ 250 มิลลิลิตร ทั้งๆ ที่ควรจะดื่มแค่ 125 มิลลิลิตรเท่านั้น แถมการเข้าสังคม หรือเทรนด์ที่ว่าต้องดื่มเครื่องดื่มแก้วใหญ่ๆ ก็ยิ่งทำให้คนต้องดื่มในปริมาณที่เพิ่มขึ้นๆ ด้วย” Booker กล่าว
ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ยังทำให้การคำนวณหน่วยการดื่มมาตรฐานซับซ้อนยิ่งขึ้น โดย Booker อธิบายว่า “ไวน์ที่มีปริมาณ 125 มิลลิกรัม คือไวน์หวาน (sweet wines) เช่น German Riesling ที่ไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ ส่วนไวน์ที่พวกเรานิยมดื่มกันทุกวัน เช่น Chardonnay และ Shiraz มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่สูงกว่านั้น คือราว 13-14% ซึ่งหมายความว่า ไวน์ทั้งสองยี่ห้อนี้ในปริมาณ 125 มิลลิลิตรจะถูกนับเป็น 1.5 หน่วย”
การคำนวณการดื่มมาตรฐานเป็นวิธีการที่ช่วยคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ในการดื่มแต่ละครั้ง (unit) เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณการดื่ม และไม่ให้ส่งผลกระทบกับผู้ดื่มมากเท่าที่ควร หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการดื่มได้ ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 3-4 หน่วย/วัน และผู้หญิงควรดื่มไม่เกิน 2-3 หน่วย/วัน
อีกสาเหตุหนึ่งที่น่าสนใจคือ ปัจจัยทางชีวภาพ โดย Andrew Misell ผู้อำนวยการ Alcohol Change ในสหราชอาณาจักรและเวลส์อธิบายว่า โดยเฉลี่ยแล้ว การเผาผลาญแอลกอฮอล์ของผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าผู้ชาย เพราะว่าผู้หญิงมีอัตราส่วนน้ำต่อไขมันในร่างกายต่ำกว่า ทำให้เกิดกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้ยากกว่า ซึ่งจะทำให้ผู้หญิงเมาง่ายกว่าผู้ชาย
Misell สรุปว่า การที่เราพยายามจะคำนวณหน่วยการดื่มและเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ เพื่อที่จะหาว่า ดื่มเท่าไหร่จึงจะปลอดภัย เป็นการคำนวณที่ไม่มีทางได้คำตอบที่ถูกต้อง ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ ถ้าจะดื่มแอลกอฮอล์ก็อย่าขับรถ อย่ามีความคิดประมาณว่า ‘ไปแค่หัวมุมข้างหน้านี้เอง’ เพราะดื่มไปแค่แก้วสองแก้วก็อาจจะทำให้ผู้หญิงเมามากกว่าที่คิดแล้ว
สิ่งที่ Booker และ Misell อธิบายยังสอดคล้องกับข้อค้นพบในงานวิจัย ‘Drinking among British and its impact on their pedestrian and driving activities’ (โดย Social Research Associates) อีกด้วย นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังได้สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิง ซึ่งได้แสดงทัศนะบางส่วนที่น่าสนใจว่า เมื่อวัฒนธรรมเปิดกว้างมากขึ้น จำนวนผู้หญิงที่เริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อน ทำให้จำนวนผู้หญิงที่เมาแล้วขับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เมื่อแอลกอฮอล์รบกวนการขับรถ
ลองคิดดูว่า คุณเป็นแม่บ้านคนหนึ่งที่เพิ่งเสร็จจากการดื่มเบียร์สังสรรค์กับเพื่อนสาวในยามบ่าย และตัดสินใจจะขับรถกลับบ้านที่อยู่ตรงหัวมุมข้างหน้านี้ เพราะคิดว่า ดื่มไปแค่แก้วสองแก้วเอง ไม่เมาหรอก ไม่เป็นไรหรอก
ชีวิตมักมอบทางเลือกให้เราเสมอ ถ้าโชคดี คุณอาจจะได้กลับบ้านโดยมีของแถมเป็นอาการมึนเมา แต่ถ้าโชคร้าย คุณอาจจะถูกตำรวจเรียกตรวจ เป่าเครื่องทดสอบเพื่อจะพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ของตัวเองเกินกำหนด หรือถ้าโชคร้ายกว่านั้น คุณอาจจะประสบอุบัติเหตุระหว่างทางได้
เมื่อคุณดื่ม แอลกอฮอล์จะยืดระยะเวลาที่สมองจะรับรู้ภาพจากตา กระบวนการรับรู้ข้อมูลจะพร่อง และการส่งสัญญาณจากสมองไปยังกล้ามเนื้อจะใช้เวลานานขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้ปฏิกิริยาของคุณช้าลง นอกจากนี้ การดื่มยังทำให้คุณเกิดภาพซ้อนหรือมองเห็นทางข้างหน้าได้ไม่ชัดเจน หรืออาจจะทำให้คุณมั่นใจขึ้น และมีแนวโน้มจะทำอะไรเสี่ยงมากขึ้น จึงไม่มีคำว่า ‘ใกล้นิดเดียว’ หรือ ‘แค่แก้วเดียว’ สำหรับการดื่มแล้วขับ
เพราะแค่เสี้ยววินาที ทุกอย่างก็อาจจะสายเกินไป…
เมื่อผู้หญิงและผู้ชายดื่มแอลกอฮอล์
แน่นอนว่า การสร้างความตระหนักถึงเรื่อง ‘เมาไม่ขับ’ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และไม่ว่าเพศใดก็ไม่ควรขับขณะที่เมาทั้งนั้น แต่ในกรณีของผู้หญิง มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้การสร้างความตระหนักและการป้องกันเรื่องเมาไม่ขับเกิดขึ้นไม่ง่ายนัก
ข้อแรกคือ สไตล์การขับรถที่แตกต่างกันของผู้หญิงกับผู้ชาย เมื่ออยู่ภายใต้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ โดย Booker อธิบายว่า คนจำนวนมากมักจะมองว่า เมื่อผู้ชายเมาแล้วขับ พวกเขาจะขับเร็วกว่า และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกว่า แต่ผู้หญิงจะขับช้ากว่าและระมัดระวังมากกว่า ทำให้พฤติกรรมของผู้ชายที่เมาแล้วขับดึงดูดสายตาของตำรวจและโดนเรียกตรวจ ขณะที่ผู้หญิงก็อาจจะรอดตัวไป
อีกปัญหาหนึ่งคือ สื่อ ที่มักจะฉายภาพผู้ชายที่เมาแล้วขับมากกว่าผู้หญิง เช่น ในภาพยนตร์สั้นสาธารณะที่ทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของแคมเปญต่อต้านการเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์จนเมา แต่ก็ยังฝืนขับรถจนนำมาซึ่งอุบัติเหตุบนท้องถนน ขณะที่ผู้หญิงรับบทบาทเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุ เป็นเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้ และเป็นภรรยาที่กำลังเศร้าโศก ซึ่งนี่สอดคล้องกับความเห็นของ Kris Beuret ผู้อำนวยการของ Social Research Association และผู้ร่วมวิจัยที่มองว่า สาระสำคัญ [เรื่องเมาไม่ขับ] ไม่ได้ถูกสื่อสารไปถึงผู้หญิงเท่าที่ควร เพราะแคมเปญต่อต้านการเมาแล้วขับยังถูกภาพลักษณ์ของผู้ชายครอบงำอยู่
ดังนั้น หนึ่งในวิธีที่อาจจะช่วยลดอัตราการเมาแล้วขับของผู้หญิงได้ คือการปล่อยสื่อที่มุ่งสื่อสารไปยังผู้หญิงโดยตรง เช่น หนังสั้นของ The South Wales Fire and Rescue service ‘Should have crashed at yours?’ เกี่ยวกับผู้หญิงสองคนที่กำลังดื่มไวน์และสนทนากันอยู่ในบาร์ หนังแสดงให้เราเห็นตอนจบสองแบบ แบบแรกเป็นแบบที่ผู้หญิงฝืนขับรถทั้งที่เมาและประสบอุบัติเหตุ และแบบที่สองเป็นแบบที่เธอตัดสินใจนอนพักที่บ้านเพื่อนก่อน และทุกอย่างก็จบลงด้วยดี
“ทุกวันนี้ เวลาเราพูดถึงเรื่องเมาแล้วขับ ไม่ว่าจะเป็นในแคมเปญเพื่อความปลอดภัยหรือละครทีวี จะเห็นว่าพวกเขาชอบโฟกัสที่ผู้ชายขี้เมาหลังพวงมาลัยเท่านั้น จริงอยู่ที่อัตราการเมาแล้วขับของผู้หญิงอาจจะยังน้อยกว่าผู้ชาย แต่เราก็อาจได้รับผลกระทบจากอัตราที่น้อยนั้นเช่นกัน”
“เพราะฉะนั้น เราอาจจะต้องคิดแคมเปญต่อต้านการเมาแล้วขับ ที่ให้ผู้หญิงรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครในนั้น และทำให้ผู้หญิงตระหนักได้ว่า อุบัติเหตุและการเสียชีวิตไม่ได้เกิดจากเพศใดเพศหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เกิดจากทุกคนที่เมาแล้วยังฝืนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย” Booker ปิดท้าย
เราจะหลีกเลี่ยงการเมาแล้วขับได้อย่างไร?
สิ่งที่คุณควรพึงระลึกไว้เสมอคือ เราดื่มเพื่อปลดปล่อยและผ่อนคลาย แต่เวลาขับรถ เราต้องการความตื่นตัวและการตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งสองสิ่งนี้ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ว่ายังไงๆ คุณจะต้องขับรถเอง วิธีการที่ดีที่สุดคือ ไม่ต้องดื่มแอลกอฮอล์
แต่ถ้าจำเป็นต้องดื่มจริงๆ ลองบันทึกเบอร์ของแท็กซี่หรือรถสาธารณะที่ไว้ใจได้ไว้ในโทรศัพท์ เพื่อที่ว่าคุณจะสามารถเรียกรถได้ทันทีที่ต้องการ หรือหาคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนที่ไว้ใจได้มาช่วยขับรถกลับให้ ระลึกไว้เสมอว่า อย่าเริ่มดื่มเด็ดขาดถ้าคุณยังไม่มีคนขับรถให้ หรือยังไม่รู้ว่าจะนอนที่ไหนในคืนนี้
อีกประการหนึ่งที่ผู้คนอาจคิดไม่ถึงคือ การนอนไปตื่นหนึ่งไม่ได้ช่วยให้ปริมาณแอลกอฮอล์ของคุณอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ถ้าคุณดื่มในคืนนี้ยันผับปิด เช้าวันต่อมา คุณก็ยังมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนดอยู่ การนอน อาบน้ำเย็นๆ หรือดื่มกาแฟไม่ได้ช่วยให้คุณสร่างเมา สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือ รอให้ปริมาณแอลกอฮอล์หมดไป
อย่างที่เราย้ำเสมอว่า การเลือกที่จะดื่ม แม้จะยังเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้าเลือกแล้ว ผู้ดื่มจะต้องอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน มิเช่นนั้น การอ้างสิทธิส่วนบุคคลก็เป็นการอ้างที่เลื่อนลอย ทางที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการดื่มไปเลย เพราะแม้คุณจะคิดว่า คุณขับรถในระยะทาง ‘สั้น’ และ ‘ปลอดภัย’ แล้ว แต่เมื่อแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์ ก็ไม่มีระยะทางที่ ‘ปลอดภัย’ อีกต่อไป
ที่มา:
ALCOHOL UNITS ดื่มมาตรฐาน – หน่วยอ้างอิงของปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์. 2562. available at <https://www.honestdocs.co/alcohol-units>.
พบผู้หญิงดื่มแล้วขับเพิ่มมากขึ้น. 2562. available at <https://www.thaipost.net/main/detail/36026>.
How alcohol companies are using International Women’s Day to sell more drinks to women. 2019. available at <https://theconversation.com/how-alcohol-companies-are-using-international-womens-day-to-sell-more-drinks-to-women-113081>.
Time to raise awareness of female drink-driving. 2019. available at <https://www.goodhousekeeping.com/uk/consumer-advice/car-advice/a27539495/the-facts-female-drink-driving/>.
How Male-Driven Alcohol Brands Are Pivoting to Target Women More Effectively. 2018. available at <https://www.gospotcheck.com/blog/how-male-driven-alcohol-brands-are-pivoting-to-target-women-more-effectively>.
Number of Women Convicted of Drink Driving on the Rise. 2015. available at <https://www.drivelikeagirl.com/number-of-women-convicted-of-drink-driving-on-the-rise>.
เรื่องและภาพ: ทีมงาน Alcohol Rhythm