ลินเซย์ โลฮาน ผู้ผ่านการบำบัดเลิกเหล้ามาแล้ว 4 ครั้ง

April 28, 2020


 

 

มีอยู่สองช่วงใหญ่ๆ ที่ชื่อของ ลินเซย์ โลฮาน (Lindsay Lohan) นักแสดงและนักร้องสาวชาวอเมริกัน ปรากฏอยู่บนหน้าสื่อสิ่งพิมพ์และหน้าแท็ปลอยด์ทุกฉบับ

 

ช่วงแรก คือช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของเธอ หรือตั้งแต่โลฮานอายุได้ 12 ปี และโด่งดังเป็นพลุแตกหลังรับบทเป็นเด็กฝาแฝดในหนังครองใจคนทั้งอเมริกาอย่าง The Parent Trap (1998) (ทั้งที่ก่อนหน้านี้ โลฮานเข้าวงการบันเทิงมาด้วยฐานะนางแบบเสื้อผ้าเด็กตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ!) ตัวหนังกวาดเงินไปทั้งสิ้น 92 ล้านเหรียญฯ และส่งผลให้โลฮานได้ทำงานร่วมกับค่ายดิสนีย์ในฐานะนักแสดงและนักร้อง

 

ต่อมาในปี 2004 ยิ่งกล่าวได้ว่าเป็นปีของลินเซย์ โลฮานอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะปล่อยผลงานเพลงหรืองานแสดงออกมาก็ถูกอกถูกใจมวลชนไปเสียหมด อย่างผลงานเพลงอัลบั้มแรกอย่าง Speak ที่ปล่อยออกมาก็มียอดขายพุ่งกระฉูด รั้งตำแหน่งอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของค่ายอยู่นานหลายปี  ได้รับคำวิจารณ์แง่บวกจากหลายสำนัก และทำให้โลฮานเป็นที่จดจำในฐานะนักร้อง-นักแสดงสาวผู้สดใส เป็นที่รักของอเมริกันชนด้วยเนื้อเพลงแนวป๊อปลูกกวาดฟังสบาย

 

นอกจากนี้ยังมีหนัง Mean Girls (2004) ที่ว่าด้วยแก๊ง ‘พลาสติก’ และชีวิตวัยรุ่นในรั้วโรงเรียนไฮสคูล ซึ่งโลฮานรับบทเป็นเด็กสาวผู้เข้ามาเรียนรู้โลกของนักล่าในคราบเด็กสาว ก็เป็นหนังที่ทำเงินและประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจจนนักวิจารณ์หลายคนลงความเห็นว่ามันเป็นหนัง ‘ทีนเอจ’ (Teenage) ที่ล้ำยุคสมัยและแสนจะเข้าอกเข้าใจวัยรุ่น

 

ตอนนั้น โลฮานเพิ่งอายุราว 18 ปี แต่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จถึงขีดสุด เป็นที่รักของอุตสาหกรรมฮอลลีวูดและค่ายเพลง คนดูหนังเอ็นดูเธอ คนฟังเพลงก็ชื่นชมเธอ

 

ดังนั้น ใครจะไปเชื่อว่าในอีกสามปีถัดมา รูปถ่ายมักช็อต -หรือรูปที่ถ่ายนักโทษจากโรงพัก- ของเธอจะถูกตีพิมพ์เกลื่อนหน้าสื่อแท็ปลอยด์ และไม่ใช่ปี 2007 แค่ปีเดียว แต่ยังตามมาด้วยรูปทำนองเดียวกันในปี 2010, 2011 และ 2013 ตามลำดับ ยังไม่นับรวมว่า แต่ละปีนั้นยังมีรูปมักช็อตเหล่านี้หลุดออกมาอีกหลายระลอก

 

นั่นเป็นช่วงชีวิตครั้งที่สองที่ชื่อและใบหน้าของลินเซย์ โลฮาน กลายเป็นขวัญใจแท็ปลอยด์ เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เล่าว่าเธอน่ารักอย่างไร ประสบความสำเร็จอย่างไร แต่เล่าว่าเธอล้มเหลวอย่างไรต่างหาก

 

น่าเศร้าที่ข่าวทำนองนี้ขายดีและได้รับความนิยมจนมันกลายเป็นภาพติดตาของเธอในเวลาต่อมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

ปี 2007 ซึ่งเป็นปีแรกที่เธอโดนจับในข้อหาดื่มขณะขับรถจำนวนสองครั้ง โลฮานถูกส่งไปบำบัดอาการติดเหล้าอย่างเร่งด่วนภายหลังถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ และผลปรากฏว่า นอกจากดื่มเหล้า โลฮานยังไปไกลถึงขั้นใช้โคเคน

 

แต่หลังจากที่เธอเล่าว่าเพิ่งลองใช้มันเป็นครั้งแรก ทำให้เธอไม่ต้องเข้ารับการบำบัดอาการเสพติดยาดังกล่าว

 

“มันเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ นะที่ฉันหัดใช้ยา ตอนนั้นเพิ่งออกมาจากคลับกับเพื่อนๆ ที่ฉันไม่ควรไปอยู่ด้วย แล้วก็ลองเล่นโคเคนดู จากนั้นก็ขับรถ โง่ชะมัด” เธอว่า

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสถานบำบัด สิ่งที่โลฮานต้องเจอคือการบำบัดอาการติดเหล้าเรื้อรัง ซึ่งนับว่าน่าตกใจมากสำหรับคนวัยยี่สิบต้นๆ อย่างเธอ ทั้งยังต้องบำบัดอาการทางจิตที่เธอบอกว่าได้มาจากการถ่ายทำหนังธริลเลอร์ทุนต่ำ (และรายได้ก็ต่ำอย่างน่าเศร้าเช่นกัน) อย่าง I Know Who Killed Me (2007)

 

ในหนังเรื่องนั้น โลฮานรับบทเป็นหญิงสาวที่หายสาบสูญ และหวนกลับมาอีกครั้งโดยไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลย เธอจึงต้องออกตามสืบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในอดีต ซึ่ง “ตอนถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ฉันฝันร้ายทุกคืน” โลฮานบอกอย่างทุกข์ตรม “มันโคตรทรมานจิตเลย”

 

ที่พึ่งของเธอ หากไม่ใช่เพื่อนฝูงในกองถ่าย จึงกลายเป็นแอลกอฮอล์ในที่สุด

 

โลฮานเล่าว่า ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยแตะเหล้าเลยแม้แต่น้อย จนเพิ่งมาลองเมาครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี และเมาหนักถึงขั้นที่แม่ต้องปล่อยเธอหลับกับกองอ้วก (เอ่อ…)

 

“ยังจำได้เลยนะว่านั่นน่ะน่ากลัวมาก” และเธอคงไม่คิดเหมือนกันว่าในเวลาอีกไม่กี่ปีถัดมา เธอจะเสพติดเจ้าสิ่งที่ทำให้เธอต้องนอนจมกองอ้วกทั้งคืนแบบนั้น

 

“ฉันใช้เหล้าเพื่อหนีปัญหาที่รุมล้อมรอบๆ ตัว” เธอบอกถึงเหตุผล อันที่จริง หากสาวให้ลึกลงไปกว่านั้น จะพบว่ามีหลายครั้งที่โลฮานเปรยๆ ว่า เธอดื่มเหล้าเพื่อหนีจากชื่อเสียง แท็ปลอยด์ รวมถึงปัญหาครอบครัวที่ยุ่งเหยิง เธอมักมีปากเสียงกับพ่อผู้เหินห่างตั้งแต่ยังเด็ก และบ่อยครั้ง โลฮานพยายามลากเขากลับเข้ามาอยู่ในชีวิตเธอ เพียงเพื่อจะพบว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่พ่อต้องการ

 

และมันทำให้เธอใจสลาย “ทุกครั้งที่ฉันพยายามเอาเขากลับมาอยู่ในชีวิต เขาต้องป่วนทุกอย่างจนเละเทะไปหมด เขาเคยดีกว่านี้นะ ดีกว่ามากๆ”

 

ด้วยปัญหาทั้งหมดทั้งมวล โลฮานจึงมักทิ้งตัวลงกับแอลกอฮอล์ ดื่มจนรับรู้อะไรไม่ได้และสูดโคเคนที่เธอใช้บ่อยขึ้นในเวลาต่อมา (“ขอโทษเถอะค่ะ ฉันไม่เคยสูบนะ ฉันสูดมันเข้าจมูกเลย” เธอให้สัมภาษณ์) น็อกหลับ และตื่นมายามเช้าเพื่อคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาเป็นอย่างแรก

 

พอต้องเข้ารับการบำบัด เธอจำเป็นต้องเขียนบันทึกความคิด และความรู้สึกขณะอยู่ห่างจากเหล้า สำหรับโลฮาน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายและน่าพิสมัยเท่าไร แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

 

“มันเหมือนเรื่องไร้สาระสำหรับฉันเหมือนกันนะโดยเฉพาะช่วงแรกๆ ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร ฉันคิดว่ามันเหมือนเรื่องตลก เป็นเรื่องที่ไว้ทำฆ่าเวลา”

 

นั่นทำให้การบำบัดครั้งแรกไม่ได้ผล และมีการจับกุมเธออีกหลายครั้งในปีถัดๆ มา จนข่าวที่เธอถูกหิ้วเข้าเรือนจำกลายเป็นพาดหัวร้อนของสื่อ

 

อันที่จริง นอกจากชีวิตส่วนตัวที่พังเพราะเหล้า หน้าที่การงานของเธอก็ล้มเหลวไม่แพ้กัน เธอแทบไม่ปรากฏตัวในหนังที่ประสบความสำเร็จอีกเลยแม้แต่เรื่องเดียว และมักไปโผล่อยู่ตามมิวสิกวิดีโอหรือหนังสั้นมากกว่า ความทรุดโทรมของชื่อเสียง (ตลอดจนคำวิจารณ์จากสำนักข่าวที่มักแซวว่าเธอดูไม่สะสวยเหมือนเดิมแล้ว) ยิ่งทำให้เธอกลัดกลุ้ม และหันกลับไปหามิตรรักเพื่อนเก่าอย่างเหล้าอีกหน เพื่อที่จะถูกจับฐานเมาแล้วขับอีกหนเช่นกัน

 

ไม่นาน คนก็เริ่มชินชากับข่าวที่ว่าเธอถูกจับได้ ซึ่งน่าเศร้าว่ามันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเลวร้ายหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

 

เหตุการณ์เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนวังวนที่โลฮานดิ้นไม่หลุดอยู่หลายปี จนกระทั่งราวปี 2013 ที่เธอถูกจับ (อีกครั้ง) และเข้ารับการบำบัด (อีกครั้งเหมือนกัน) เธอตัดสินใจทำตามกฎของการบำบัดอย่างเคร่งครัดพอสมควร และไม่มีท่าทีแบบ ‘ทีเล่นทีจริง’ เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว

 

หลังกินเวลานานหลายเดือน จนเมื่อได้รับการปล่อยตัว แม้แต่โลฮานเองก็แทบไม่เชื่อว่าเธอห่างจากแอลกอฮอล์ได้แล้ว

 

“บ้าชะมัดที่ฉันได้เข้ารับการบำบัดจริงๆ” เธอว่า “เพราะก่อนนี้ฉันพูดตลอดอะว่าคงตายก่อนได้เข้ารับการบำบัดแน่ๆ”

 

แต่โลฮานไม่ตาย ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้เธอยังมีชีวิตอย่างสงบ ห่างหายจากการแสดงหนังใหญ่ไปพักหนึ่ง เพื่อใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นหลัก และหันมาใช้เวลาไปกับการเป็นโปรดิวเซอร์หนังแทน

 

 

 

เรื่องและภาพ : ทีมงาน Alcohol Rhythm

Related Articles